เทรนด์ธุรกิจ 2019 – เมื่อโลกเปลี่ยนไป อะไรคือโอกาส
เมื่อเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเริ่มเข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตประจำวัน จุดเริ่มต้นแห่งสังคมยุค 4.0 ในหลายๆธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆเพื่อสนับสนุนกิจการ และสามารถสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ๆ ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด แต่ในขณะเดียวกัน ในอีกหลายธุรกิจกลับถูกหยุกชะงักจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจาก เทคโนโลยี ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการทำงานบางอย่าง อีกทั้งเป็นการลดต้นทุนส่วนต่างๆของธุรกิจได้ เช่น การใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยพัฒนาไลน์การผลิต เพื่อลดต้นทุนบุคลากรแรงงาน หรือ การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อสกัดและสังเคราะห์ออกมาเป็นสมมติฐานในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ( Big Data )
ดังนั้น เราแทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นใน 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ทำมาเพื่อแทนการทำงานบางอย่างของมนุษย์ แต่มีศักยภาพมากกว่า โอกาสความผิดพลาดจากการดำเนินการน้อยกว่า ต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำกว่า ซึ่งแน่นอนกว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้ จะเกิดขึ้นเร็วและมีผลกระทบรุนแรงต่อบุคลากรในหลายๆธุรกิจเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นสัญญาณเตือน ทางทีมงาน A2C Media จึงเขียนบทความนี้ขึ้นจากการวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่า เทรนด์ธุรกิจ 2019 นี้ จะเป็นโอกาสและความท้าทายสำหรับธุรกิจประเภทใดบ้าง
1 . ธุรกิจที่ไร้รอยต่อ ระหว่างออนไลน์และออฟไลน์
เราอาจจะได้ยินว่า 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์ธุรกิจ ออนไลน์มาแรงมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วการใช้ชีวิตของผู้คนก็จะกลับไปสู่ออฟไลน์ เพราะสิ่งที่ออนไลน์สร้างได้เป็นเพียงความเสมือน Virtual เช่น การซื้อขายสินค้าออนไลน์บางอย่าง ในช่วงแรกอาจจะไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน แต่เมื่อธุรกิจขยายใหญ่ขึ้น การมีหน้าร้านเพื่อให้สินค้าจับต้องได้ ก็จะส่งผลกับธุรกิจเป็นอย่างมาก
หลังจากนี้ไม่ว่าธุรกิจจะอยู่ในช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม แต่ทุกอย่างจะสามารถเชื่อมถึงกันได้อย่าง ไร้รอยต่อ ( Seamless ) หรือที่เราอาจจะคุ้น IoT (Internet of Things) ประกอบกับผู้ใช้งานอย่างลงตัว เป็นการสร้าง โครงข่ายสังคม ecosystem นั่นเอง ซึ่งการสร้างโครงสร้างที่ไร้รอยต่อเป็นโครงข่ายสังคมหนึ่งๆได้ จะต้องเกิดจากการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มคนที่เราต้องการสร้าง ecosystem ให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะความเสี่ยงของธุรกิจแบบ seamless นี้คือ การสร้างโครงสร้างในสิ่งที่คนไม่ต้องการขึ้นมา ดังนั้นผู้ที่เห็นโอกาสทางธุรกิจนี้แล้ว จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องทำงานหนักเพื่อศึกษาตลาดและวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา
ตัวอย่างธุรกิจลักษณะ Seamless

2 . ธุรกิจเน้นการสร้างประสบการณ์
แน่นอนว่า คำว่า ประสบการณ์ เป็นสิ่งที่วัดค่าเป็นตัวเลขได้ยาก ดังนั้นหลายๆธุรกิจและองค์กรจึงมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นในการใช้เงินลงทุนกับสิ่งที่วัดผลไม่ได้ แต่ทั้งนี้เราจะบอกว่า Experience ไม่สามารถวัดได้จริงเฉพาะในระยะเวลาอันสั้น แต่จะเป็นผลที่ชัดเจนและแตกต่างในระยะยาว เป็นลักษณะเดียวกับ การสร้างแบรนด์ (อ่านบทความเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ได้ที่นี่) เพราะคำว่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในโลก Virtual กับโลกจริง มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าหากเจ้าของธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับ Community ของคุณได้ไม่ว่าจะทั้งออนไลน์และออฟไลน์ สิ่งนี้จะกลายเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่จะทำให้คุณเหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างมาก
3 . ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ
เราคงได้ยินกันมาบ้างแล้วว่าเทรนด์ผู้สูงอายุเป็น Global Trend ที่ทั้งโลกกำลังเผชิญและกำลังแก้ปัญหาอยู่ ไม่ใช่ว่าผู้สูงอายุจะก่อให้เกิดปัญหาแต่อย่างใด แต่เนื่องจากบุคลากรในคนยุคใหม่ Millennial Generation มีสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก ดังนั้นหลายๆองค์กรจึงพยายามพัฒนาระบบการให้บริการเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุมากขึ้น แต่แน่นอนว่าอุปสรรคสำคัญที่สุดคือ เหล่าผู้สูงอายุและที่กำลังจะเป็นผู้สูงอายุนั้น จะมีอัตราการปรับตัวในการใช้เทคโนโลยีน้อยลง กล่าวคือ ผู้สูงอายุส่วใหญ่ไม่สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น เทรนด์ธุรกิจ ที่เน้นเรื่องการออกแบบระบบ โครงสร้าง ecosystem หรือเทคโนโลยีนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่เรียบง่ายแต่สามารถสร้างสินค้าหรือบริการที่ครอบคลุมความต้องการได้ในหลากหลายมิติ
และก่อนที่เราจะจบบทความนี้ เราไปดูและวิเคราะห์บทความอื่นๆกันหน่อยว่าโอกาสและความท้าท้ายของธุรกิจในปี 2019 ว่าในมุมของเขาแล้วธุรกิจที่กำลังจะเป็นเทรนด์มีอะไรบ้าง
ธุรกิจ eCommerce
แน่นอนว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มาแรง เพราะเนื่องจากกระแสและความเชื่อของคนยุคใหม่ที่เริ่มต้นกิจการเร็วๆง่ายๆ เพียงแค่คุณมี Internet ก็สามารถลงมาเล่นตลาดนี้ได้แล้ว ลงทุนน้อยหากเทียบกับธุรกิจซื้อมาขายไปที่มีหน้าร้าน ต้นทุนต่ำ รายได้ก็ไม่น่าเกลียดซะทีเดียว และสามารถทำได้เป็นงานหลักและงานเสริม ซึ่งทั้งนี้ธุรกิจ eCommerce นี่เองเป็นตัวที่ทำให้กิจการหน้าร้านเริ่มเหี่ยวเฉา เพราะคนลูกค้าเริ่มมีช่องทางและตัวเลือกมากขึ้น และสามารถซื้อสินค้าได้ง่ายๆโดยเขาไม่ต้องเดินทางไปซื้อของแบบเดิมๆอีกแล้ว ธุรกิจ eCommerce เป็นการ Disrupt การซื้อขายแบบเดิมๆ และยังเป็นหนึ่งในเทรนด์ธุรกิจ 2019 ที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างไร เหล่าเจ้าของธุรกิจเองก็ควรพึงระวังเอาไว้ เนื่องจากตลาดนี้มี Barrier to Entry ต่ำ ทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเยอะมาก ซ้ำจากพฤติกรรมที่อยากสร้างผลลัพธ์เร็วๆ จากความขาดความรู้ ประสบการณ์ในการทำธุรกิจ มุมมองและทัศนคติที่ตื้นเขิน ทำให้เกิดสงครามราคาขึ้นนั่นเอง ซึ่งหากเราต้องการที่จะอยู่รอดได้ในสถานการณ์แบบนี้ เจ้าของธุรกิจจะต้องสร้าง คุณค่า ของธุรกิจขึ้นมาให้แตกต่างและมีประโยชน์ต่อลูกค้าของคุณ
ธุรกิจ ขนส่ง Logistic
เมื่อธุรกิจ eCommerce เริ่มเติบโตขึ้น การจัดส่งสินค้า ย่อมเป็นสิ่งที่โตขึ้นตามมาอย่างชัดเจน เพื่อรอบรับจำนวนการซื้อขายสินค้าของ ecosystem จึงต้องพึ่งพาระบบ Logistic ที่มีบริการอย่างหลากหลาย เช่น การบริการแบบ Door to Door ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่งสินค้าและผู้รับสินค้า เป็นการรับสินค้าจากจุดหนึ่งและไปส่งให้กับผู้รับ แต่ทั้งนี้หากคุณต้องการเข้ามาคว้าโอกาสทางการตลาดนี้ คุณคงจะต้องทำการบ้านพอสมควรเพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่จากการแข่งขันที่ดุเดือด
ทั้งหมดนี้เป็นใจความสำคัญของ เทรนด์ธุรกิจ 2019 ในมุมมองที่ทีมงาน A2Commerce วิเคราะห์ทั้งจากข้อมูลต่างๆ และจากประสบการณ์การทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยนอกเหนือจากที่ทางทีมงานได้ระบุไว้ แต่สิ่งที่เจ้าของกิจการทุกคนพึงให้ความสำคัญไว้คือ การปรับตัวที่รวดเร็ว และการยอมรับในความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเหตุนี้ทำให้องค์กรหลายๆองค์กรที่ต้องการปรับตัวในลักษณะ Digital Transformation นั้นทำได้ยาก เนื่องจากมนุษย์ถูกออกแบบมาให้รู้สึกถูกคุกคามเมื่อเจอสิ่งใหม่ๆ และนี่คืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง